เมนูที่ได้รับความนิยม
บทความอูมามิ อื่นๆ ที่่น่าสนใจ

สูตรอาหาร
เมนูที่ได้รับความนิยม

เรื่องราวกินดีมีสุข
บทความอูมามิ อื่นๆ ที่่น่าสนใจ

ส่วนประกอบ
มันฝรั่ง หั่นเต๋า
½ ถ้วย
แครอทหั่นท่อน
½ ถ้วย
หอมหัวใหญ่ หั่นชิ้น
1 ลูก
ปีกไก่บน
200 กรัม
มะเขือเทศ หั่นชิ้น
2 ลูก
1 ก้อน
น้ำสะอาด
1 ลิตร
ขึ้นฉ่ายหั่นท่อน
1 ช้อนโต๊ะ
พริกขี้หนูบุบ
10 เม็ด
น้ำมะนาว
1 ช้อนโต๊ะ
หอมแดงเจียว
¼ ถ้วย

วิธีทำ
1. เตรียมวัตถุดิบ เลือกไก่ มันฝรั่ง และหอมใหญ่
ซุปไก่มันฝรั่ง เริ่มจากการเลือกไก่ที่สดใหม่ โดยใช้น่องไก่หรือปีกไก่ที่มีหนังติดอยู่บ้าง เพื่อให้น้ำซุปมีความมัน สังเกตเนื้อไก่ที่มีสีชมพูอ่อน ผิวเรียบ ไม่มีรอยช้ำหรือจุดเลือด กลิ่นสดใหม่ ไม่มีกลิ่นผิดปกติ ล้างให้สะอาดและซับให้แห้ง
มันฝรั่งเลือกหัวที่แน่น ผิวเรียบ ไม่มีตาหรือรอยช้ำ เพราะจะทำให้รสชาติขม ควรเลือกขนาดใกล้เคียงกัน เพื่อให้สุกพร้อมกัน หั่นเป็นชิ้นขนาดพอดีคำประมาณ 1 นิ้ว แครอทปอกเปลือก และหั่นเป็นชิ้นขนาดใกล้เคียงกับมันฝรั่ง เลือกแครอทที่มีสีส้มสด เนื้อแน่น ไม่นิ่มหรือเหี่ยว
หอมใหญ่ควรเลือกหัวที่แน่น เปลือกนอกแห้งสนิท ไม่มีรอยช้ำหรือเน่า หั่นเป็นชิ้นใหญ่พอประมาณ ส่วนมะเขือเทศเลือกผลที่สุกกำลังดี สีแดงสม่ำเสมอ เนื้อแน่น ผ่าซีกตามขวางเคล็ดลับ: แช่มันฝรั่งในน้ำเย็นหลังหั่น เพื่อป้องกันการเปลี่ยนสี และล้างแป้งออกจะทำให้ซุปไม่ขุ่น ส่วนแครอทไม่ควรหั่นบางเกินไป เพราะจะทำให้สุกเละ
2. ต้มน้ำซุป พร้อมใส่ไก่ และเคี่ยวประมาณ 20 – 30 นาที
การต้มซุปไก่มันฝรั่งให้ใส และหอมนั้น เริ่มจากการตั้งหม้อน้ำด้วยไฟแรง ใช้น้ำสะอาดปริมาณพอเหมาะ รอจนเดือดจัดจนมีฟองผุดขึ้นมา จากนั้นใส่รสดีซุปก้อน รสไก่ลงไป คนให้ละลายจนทั่ว การใช้น้ำเดือดจัดจะช่วยให้น้ำซุปใส ไม่ขุ่น
ใส่ไก่ลงไปต้มก่อน โดยเริ่มจากน้ำเดือด รอจนเดือดอีกครั้งจึงลดไฟลง เคี่ยวไปเรื่อย ๆ จนไก่เริ่มนุ่ม ระหว่างต้มให้คอยช้อนฟอง และไขมันที่ลอยขึ้นมาทิ้ง จะทำให้น้ำซุปใสสะอาด น่ารับประทาน การเคี่ยวไก่ควรใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที หรือจนเนื้อไก่เริ่มนุ่ม เมื่อใช้ส้อมจิ้มแล้วรู้สึกว่าเริ่มนุ่ม แต่ยังไม่เละเคล็ดลับ: เคี่ยวไก่ด้วยไฟอ่อนจะทำให้น้ำซุปหวาน และใส ไม่ขุ่น ไม่ควรคนบ่อยเกินไป เพราะจะทำให้น้ำซุปขุ่น ควรคนเบา ๆ เป็นระยะ
3. ใส่ผักตามลำดับการสุกด้วยไฟปานกลาง
เมื่อไก่เริ่มนุ่มได้ที่ จึงใส่มันฝรั่ง และแครอทลงไป ต้มซุปไก่มันฝรั่งต้มยำด้วยไฟปานกลางจนผักเริ่มนุ่ม การต้มผักควรสังเกตความสุกเป็นระยะ โดยใช้ส้อมจิ้มเบา ๆ ถ้าผักเริ่มนุ่ม แต่ยังคงรูปทรง แสดงว่าได้ที่พอดี จึงใส่หอมใหญ่ และมะเขือเทศตามลงไป
การใส่ผักตามลำดับการสุกเป็นเทคนิคสำคัญที่จะทำให้ได้ผักที่สุกพอดี ไม่เละเกินไป หอมใหญ่ จะให้ความหวานธรรมชาติแก่น้ำซุปไก่มันฝรั่ง ส่วนมะเขือเทศจะให้รสเปรี้ยวอ่อน ๆ และสีสันที่น่ารับประทาน ควรใส่มะเขือเทศเป็นลำดับสุดท้าย เพราะสุกเร็วที่สุดเคล็ดลับ: ไม่ควรปิดฝาตอนต้มผัก จะทำให้ผักคงสีสันสดใส และควรใช้ไฟปานกลางค่อนข้างอ่อน เพื่อให้ผักสุกอย่างทั่วถึง
4. ปรุงรสต้มยำให้กลมกล่อมตามความชอบ
เมื่อต้มซุปไก่มันฝรั่งต้มยำ จนส่วนผสมทั้งหมดสุกได้ที่ ตักใส่ชามเสิร์ฟ การปรุงรสต้มยำเป็นขั้นตอนที่ต้องใช้ความพิถีพิถัน เริ่มจากการเตรียมพริกขี้หนูซอยบาง ๆ โดยเลือกพริกที่สดใหม่ สีแดงสด จะได้ความเผ็ดที่กลมกล่อม ส่วนมะนาวควรเลือกผลที่สด มีน้ำมาก บีบน้ำมะนาวลงไปในซุปร้อน ๆ
คนให้เข้ากัน รสชาติจะออกมาเผ็ดเปรี้ยวกลมกล่อม โรยหน้าด้วยหอมเจียวกรอบ และขึ้นฉ่ายซอย หอมเจียวควรเจียวให้เหลืองทองสวย มีกลิ่นหอม ส่วนขึ้นฉ่ายควรซอยบาง ๆ และแช่น้ำเย็นให้กรอบก่อนใช้5. การจัดเสิร์ฟ และการรับประทาน
การจัดเสิร์ฟซุปไก่มันฝรั่งต้มยำให้น่ารับประทาน ควรเลือกใช้ชามที่มีขนาดพอเหมาะ จากนั้นตักน้ำซุปร้อน ๆ พร้อมเครื่องลงในชาม ให้มีทั้งเนื้อไก่ มันฝรั่ง แครอท หอมใหญ่ และมะเขือเทศในสัดส่วนที่เหมาะสม
จัดวางเครื่องปรุงเสริม เช่น พริกขี้หนูซอย มะนาวซีก หอมเจียว และขึ้นฉ่าย แยกไว้ในถ้วยเล็ก ๆ เพื่อให้ผู้ทานปรุงเพิ่มได้ตามชอบ ควรเสิร์ฟขณะที่ซุปยังร้อน จะได้กลิ่นหอม และรสชาติที่ดีที่สุด6. การปรับรสชาติ และดัดแปลงสูตร
การปรับรสชาติซุปไก่มันฝรั่งต้มยำสามารถทำได้หลากหลายตามความชอบ สำหรับผู้ที่ชอบรสจัดสามารถเพิ่มพริกขี้หนูและน้ำมะนาว หากชอบรสเค็มอาจเพิ่มน้ำปลาหรือเกลือเล็กน้อย สำหรับคนชอบรสหวานสามารถเพิ่มหอมใหญ่หรือแครอทให้มากขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถดัดแปลงสูตรได้หลากหลาย เช่น
- เพิ่มเห็ดชนิดต่างๆ เช่น เห็ดหอม เห็ดนางฟ้า เพื่อเพิ่มรสชาติ และคุณค่าทางอาหาร
- แทนที่ไก่ด้วยเนื้อปลาสำหรับผู้ที่ต้องการอาหารที่ย่อยง่าย
- เพิ่มผักตามฤดูกาล เช่น ฟักทอง ข้าวโพดอ่อน บร็อกโคลี
- เพิ่มวุ้นเส้นหรือเส้นหมี่ลงไป เพื่อให้อิ่มมากขึ้น
เคล็ดลับ: เมื่อดัดแปลงสูตร ควรปรุงรสทีละน้อยและชิมบ่อย ๆ เพื่อให้ได้รสชาติที่พอดี
7. การจัดเสิร์ฟ และการรับประทาน
ซุปไก่มันฝรั่งต้มยำสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้ 2-3 วัน ควรแยกน้ำซุปและเครื่องใส่ภาชนะที่มีฝาปิดสนิท รอให้อาหารเย็นลงที่อุณหภูมิห้องก่อนแช่เย็น เพื่อป้องกันการเสียเร็ว
เมื่อต้องการรับประทาน ให้อุ่นน้ำซุปด้วยไฟอ่อนจนเดือด แล้วจึงใส่เครื่องลงไป อุ่นต่อจนร้อนทั่วถึง หากน้ำซุปข้นหรืองวดเกินไป สามารถเติมน้ำร้อนลงไปได้เล็กน้อย
เมนูที่น่าสนใจ
ดูสูตรเมนูอูมามิอื่นๆ ที่น่าสนใจและสามารถทำตามได้ง่ายๆ
เมนูที่น่าสนใจ
ดูสูตรเมนูอูมามิอื่นๆ ที่น่าสนใจและสามารถทำตามได้ง่ายๆ