1.  เตรียมเนื้อสับปะรดสำหรับทำเมนูแกงสับปะรด

ขั้นตอนแรกสำหรับเมนูแกงสับปะรดกุ้งเป็นส่วนของการเตรียมสับปะรด โดยเลือกสับปะรดลูกที่มีขนาดกลาง ๆ หรือสามารถซื้อตามรถเข็นขายผลไม้ได้เช่นกัน หากซื้อสับปะรดมาเป็นลูก ให้ปาดหัวปาดท้าย ปอกเปลือก แกะตาสับปะรดออกทั้งหมด หั่นเป็นชิ้นตามแนวยาว นำไปถูกับเกลือป่นประมาณ 2 นาทีและนำไปล้างด้วยน้ำเปล่าสะอาดจนกว่าจะหมดคราบสกปรก ใช้ทิชชูสำหรับทำอาหารซับน้ำที่ผิวสับปะรดออกจนหมด ตัดแกนกลางของสับปะรดทิ้ง หั่นเนื้อสับปะรดให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ ตักใส่ชามพักเอาไว้
เคล็ดลับ : การเลือกสับปะรดควรเลือกลูกที่ไม่แก่จัด เพราะลูกที่แก่จัดหรือสับปะรดกินจะมีความฉ่ำมากกว่า หากนำไปแกงจะทำให้เนื้อสับปะรดเละ แนะนำให้เลือกชิ้นที่มีความขาวและหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ คล้าย ๆ การซอยหยาบเพื่อให้สะดวกตอนรับประทาน

 2.  เตรียมวัตถุดิบสำคัญอื่น ๆ ในการทำเมนูเด็ด

หลังจากที่เตรียมเนื้อสับปะรดไว้เรียบร้อยแล้ว ให้เตรียมหัวกะทิ หางกะทิ พริกแกงเผ็ดแบบหยาบ กุ้งสด เครื่องปรุง 3 ชนิด ได้แก่ อายิโนะโมะโต๊ะ น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ ในขั้นตอนการเตรียมกะทิสามารถเลือกได้ตามความชอบ ใช้ได้ทั้งแบบสำเร็จรูปและแบบคั้นสด
ส่วนการเลือกกุ้งนั้นให้เลือกขนาดพอดีคำเพื่อให้รับประทานสะดวกขึ้น นำกุ้งมาล้างทำความสะอาดด้วยน้ำผสมเกลือเล็กน้อย ตัดหัวกุ้ง แกะเปลือกเหลือหางทิ้งไว้ ดึงเส้นกลางหลังออกล้างทำความสะอาดซ้ำอีกครั้ง 

 3.  ตั้งกระทะเตรียมทำน้ำแกง

เตรียมพร้อมสำหรับการทำเมนูแกงสับปะรด นำกระทะขั้นตั้งไปอ่อนค่อนกลาง ตามด้วยการใส่หัวกะทิลงไปในกระทะ รอจนกว่ากะทิจะเดือดปุด เมื่อกะทิเดือดได้ที่แล้วให้ใส่พริกแกงเผ็ดแบบหยาบลงไปตีในกะทิ เคี่ยวจนกว่าเครื่องแกงจะแตกมันดี ทำการปรุงรสชาติด้วยน้ำตาลปี๊บ น้ำปลา และอายิโนะโมะโต๊ะ โดยปกติเครื่องแกงจะมีรสชาติติดเค็ม 
ควรทยอยใส่น้ำปลาทีละนิดเพื่อไม่ให้ติดรสชาติเค็มโดด ใส่กุ้งที่ผ่านการล้างทำความสะอาดแล้วลงไปผัดกับเครื่องแกงจนสุกประมาณ 70% ให้เติมหางกะทิที่เตรียมไว้ใส่ตามลงไป เร่งไฟขึ้นให้เป็นไฟกลาง คนในกระทะเล็กน้อย รอจนกว่าน้ำกะทิจะเดือด
เคล็ดลับ : แนะนำให้ใส่น้ำตาลปี๊บลงไปในขั้นตอนที่พริกแกงแตกมันได้ที่แล้ว เพื่อให้น้ำตาลละลายเข้าไปกับเนื้อพริกแกง จะได้ความเข้มข้นที่มากยิ่งขึ้น

 4.  ใส่ส่วนประกอบหลักตามลงไปในกระทะ

เมื่อส่วนประกอบในกระทะเริ่มเดือดปุดแล้วให้หรี่ไฟลงเป็นระดับค่อนอ่อน ทิ้งให้แกงเดือดไปสักระยะ จากนั้นนำสับปะรดหั่นชิ้นหยาบใส่ตามลงไป คนให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันดีแต่ไม่ควรคนมาก จนเกินไปอาจทำให้กุ้งและสับปะรดเนื้อเละได้ ทิ้งไว้จนกว่าสับปะรดจะมีความฉ่ำน้ำมากขึ้นหรือสับปะรดสุก เคี่ยวต่อจนกว่าน้ำแกงจะงวดได้ที่ เดือดปุดแบบทั่วถึงกัน
เคล็ดลับ : หากใครชื่นชอบให้แกงคั่วสับปะรดกุ้งติดรสชาติเปรี้ยวมากขึ้น สามารถนำมะขามเปียกมาคั้นน้ำเติมลงไปในขั้นตอนที่แกงงวดได้ที่แล้ว มะขามเปียกจะช่วยให้รสชาติแกงครบรสมากยิ่งขึ้น เปรี้ยว เค็ม หวาน อร่อยลงตัว

 5.  เคี่ยวจนน้ำแกงสับปะรดงวดได้ที่ เตรียมจัดจานเสิร์ฟ

หลังจากที่น้ำแกงในกระทะงวดได้ที่แล้วให้ลดไฟลงอีกเล็กน้อย ขั้นตอนนี้หากใครชอบเนื้อสับปะรดเปื่อย ๆ สามารถเติมหางกะทิหรือน้ำเปล่าลงไปเพื่อเคี่ยวต่อจนกว่าเนื้อสับปะรดจะเปื่อยได้ที่ แล้วให้ใส่ใบมะกรูดฉีกลงไปเป็นขั้นตอนสุดท้าย ใส่ตอนที่ยังเปิดไฟอยู่เพื่อให้กลิ่นจากใบมะกรูดส่งกลิ่นหอมชวนรับประทาน 

ปิดเตา ตักแกงคั่วสับปะรดกุ้งใส่ชามเตรียมเสิร์ฟ สามารถตกแต่งด้วยหัวกะทิและพริกชี้ฟ้าแดงซอยเล็กน้อยเพื่อให้สีสันน่ารับประทาน

กลิ่นแกงสับปะรดกุ้งหอมน่ารับประทาน ตักเสิร์ฟคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ จะยิ่งทวีความอร่อยลงตัวที่มากยิ่งขึ้น แกงชนิดนี้เป็นอีกแกงประเภทหนึ่งที่ทำได้ไม่ยากมากนักและสามารถทำรับประทานได้บ่อย ๆ เพราะรสชาติไม่จัดจ้านหรือเข้มข้นจนเกินไป หรือหากชอบทานเผ็ดแนะนำให้ทานกับน้ำพริกสูตรแกงคั่วใต้ ยิ่งทานคู่กับข้าวร้อน ๆ ยิ่งทานได้บ่อยแบบไม่มีเบื่อแน่นอน