1.  ล้างตับ และแช่นมประมาณ 30 นาทีให้เข้าเนื้อ

การทำตับผัดกระเทียมในขั้นตอนแรก เริ่มด้วยการล้างตับด้วยน้ำสะอาด จากนั้น หั่นตับไว้เป็นชิ้นพอดีคำ เทใส่ภาชนะที่เตรียมไว้ โดยชิ้นที่หั่นไว้ไม่ต้องหนามาก เพื่อเวลานำไปทอดจะสุกได้อย่างทั่วถึง 
จากนั้นนำนมจืดเทใส่ลงไปในภาชนะเดียวกัน การหมักตับกับนมจืดจะทำให้เนื้อตับในเมนูตับผัดกระเทียม มีกลิ่น และรสที่ดีขึ้นจากน้ำนม ลดความคาวของตับ และง่ายต่อการรับประทาน โดยให้แช่นมไว้ 30 นาทีหรือครึ่งชั่วโมง เพื่อให้ตับเข้าเนื้อกันดี จากนั้น ตักขึ้นแล้วใส่อ่างผสมที่เตรียมไว้ได้ทันที
เคล็ดลับ: การหมักตับด้วยนมสด อาจลดกลิ่นคาวของตับหมูได้ไม่ดีเพียงพอ การใช้แป้งมันหรือแป้งข้าวโพดมาเติมลงไป จะช่วยลดกลิ่นคาวของตับที่นำไปทำเมนูตับผัดกระเทียมได้ดีขึ้น เพียงโรยแป้งไปพอประมาณ จากนั้นคลุกขยำกับตับให้เข้ากัน ซึ่งแป้งมันจะช่วยซับเมือก และช่วยขับเลือดออกจากตับ หากล้างออกด้วยน้ำเปล่าเพียงอย่างเดียว ตับจะยังคงมีความแข็ง และเหม็นคาว เพราะมีเลือดติดอยู่ที่เนื้อตับ

 2.  ปรุงรสด้วย รสดี รสหมูสูตรลดโซเดียม และน้ำมันหอย

ในขั้นตอนถัดมา การทำเมนูตับผัดกระเทียมให้มีรสชาติกลมกล่อม และมีกลิ่นเครื่องเทศที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ให้ปรุงรสด้วย รสดี รสหมูสูตรลดโซเดียม และน้ำมันหอย ใส่เพิ่มลงในอ่างผสมเดียวกันกับที่หมักเนื้อตับกับนมไปสักครู่ จากนั้น ขยำคลุกเคล้ากันให้ทั่ว แล้วนำไปพักไว้

 3.  โขลกรากผักชี กระเทียม และพริกไทยดำให้ละเอียด

ในขั้นตอนของการเตรียมเครื่องเทศสมุนไพรของเมนูตับกระเทียม เครื่องปรุงสำคัญอย่าง รากผักชี กระเทียม และพริกไทย ถือเป็นเครื่องปรุงพื้นฐานสำคัญอย่างหนึ่งที่ช่วยเพิ่มรสชาติ และกลิ่นหอมของอาหารต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี
ให้เริ่มจากการหั่นรากผักชีเป็นชิ้นเล็ก ๆ ซึ่งน้ำ และน้ำมันที่อยู่ในรากของผักชี จะช่วยเพิ่มรสชาติความฉุน และความหอมให้กับตับที่เราจะนำไปทำเมนูตับหมูทอดกระเทียมได้ จากนั้นนำพริกไทยดำมาโขลกให้ละเอียด 
ขั้นตอนสุดท้าย หั่นกระเทียมที่เตรียมไว้ไปตามแนวขวางเป็นแผ่นบาง สับกระเทียมลงไปหลาย ๆ ครั้ง จากนั้น โขลกเครื่องเทศทั้งสามอย่างให้เนียน ละเอียด กลายเป็นก้อนเดียวกัน
เคล็ดลับ: สามารถเลือกใช้กระเทียมไทยหรือกระเทียมจีนได้ตามชอบ ซึ่งกระเทียมจีน จะปอกเปลือกได้ง่ายกว่ากระเทียมไทย มีเนื้อที่เยอะ และชิ้นใหญ่กำลังดี แต่รสชาติจะมีความเผ็ด ส่วนกระเทียมไทยจะโดดเด่นในเรื่องของความเผ็ด และความซ่า เวลานำมาประกอบอาหารจะได้กลิ่นหอมฉุนที่ชัดเจน 

 4.  ตั้งกระทะ เจียวกระเทียมให้มีชิ้นเหลืองกรอบ พอหอม

ในการทำเมนูตับผัดกระเทียม ขั้นตอนนี้ เราจะมาทำกระเทียมเจียวให้มีชิ้นที่เหลืองกรอบ แลดูน่ารับประทาน โดยจะต้องเลือกใช้ไฟเบาเท่านั้น และค่อย ๆ เจียวไปเรื่อย ๆ เมื่อกระเทียมเริ่มเปลี่ยนสีเหลืองแล้ว ให้ยกลงจากเตาทันที ตัวกระเทียมจะยังสามารถสุกได้จากข้างนอก 15 - 20% 
ข้อควรระวังในการเจียว จะต้องใส่กระเทียมลงไปในระหว่างที่น้ำมันในกระทะยังไม่ร้อนดี เพื่อไม่ให้กระเทียมไหม้จากความร้อนที่มากจนเกินไป ซึ่งสิ่งสำคัญสำหรับการเจียวกระเทียม คือ ต้องใส่น้ำมันให้ท่วม อย่าให้น้ำมันน้อยกว่ากระเทียมที่ใส่ในกระทะเป็นอันขาด เพราะจะทำให้ตัวกระเทียมนั้นติดกระทะได้ง่าย การเจียวกระเทียมสำหรับเมนูตับหมูทอดกระเทียม จึงต้องใส่ใจ และคอยหมั่นสังเกต เพื่อให้ได้กระเทียมเจียวที่มีสีสวยงามตามที่เราต้องการ 
เคล็ดลับ: การเจียวกระเทียมสำหรับเมนูตับกระเทียมให้อร่อย หอม และเหลืองกรอบนั้น เคล็ด (ไม่) ลับ คือ การใช้กระทะก้นกลม รับรองว่า จะเจียวกระเทียมได้อร่อยขึ้น 99% เพราะกระทะก้นกลมจะให้ความร้อนที่สม่ำเสมอ นอกจากนี้ กระเทียมที่นำลงไปเจียวในกระทะจะต้องหั่นเป็นชิ้นให้เท่ากัน เพื่อให้กระเทียม สามารถสุกไปพร้อม ๆ กันได้ทุกชิ้น ป้องกันไม่ให้กระเทียมเจียวไหม้ ดูไม่น่ารับประทาน

 5.  ผัดตับให้สุก และโรยต้นหอม พร้อมเสิร์ฟ

ขั้นตอนสุดท้ายในการทำเมนูตับผัดกระเทียม คือ เนื้อตับที่จะนำมาผัดลงในกระทะต้องผ่านการสะเด็ดน้ำออกให้หมดก่อน เริ่มที่การเปิดไฟแรง และใส่ตับลงไปทันที ก่อนที่จะใส่พริกไทยดำตามลงไปในปริมาณที่เราต้องการ ผัดไปสักพักให้ตับกับกระเทียมคลุกเคล้าเข้ากัน ส่งกลิ่นหอมจาง ๆ ขึ้นมาจากกระทะร้อนๆ 
จากนั้นได้เวลาปรุงรสเมนูตับกระเทียม อันดับแรกให้ใส่น้ำปลา น้ำตาลทราย หรือน้ำมันงา จากนั้น ผัด และคลุกเคล้าให้เข้ากัน ลองชิมรสชาติดูว่า อร่อยถูกใจเราหรือไม่ ก่อนที่จะปิดไฟ และนำตับหมูทอดกระเทียมร้อน ๆ ยกลงจากเตา พร้อมโรยด้วยต้นหอม และกระเทียมเจียวสีเหลืองกรอบ เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้น 

เพื่อน ๆ อย่าลืมจดสูตรตับกระเทียมของเราไปลองทำกัน รับรองไม่มีผิดหวัง เพราะเป็นเมนูที่อร่อย และไม่ต้องใช้วัตถุดิบอะไรมากมาย วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ ใครที่ยังไม่มีเมนูในใจไว้เตรียมทานกับครอบครัว เพื่อน ๆ หรือคนรู้ใจที่นั่งข้าง ๆ ก็เลือกเมนูตับหมูทอดกระเทียมสูตรนี้จากอายิโนะโมะโต๊ะมาทำกันได้เลย