เมนูที่ได้รับความนิยม
บทความอูมามิ อื่นๆ ที่่น่าสนใจ

สูตรอาหาร
เมนูที่ได้รับความนิยม

เรื่องราวกินดีมีสุข
บทความอูมามิ อื่นๆ ที่่น่าสนใจ
ผักและผลไม้ถือเป็นแหล่งรวมของวิตามิน แร่ธาตุ ไฟเบอร์ และสารอาหารอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายอีกมากมาย นอกจากนี้ผักผลไม้สามารถแบ่งออกเป็น 7 กลุ่ม 7 สี ซึ่งแต่ละสีก็มีสารอาหารและประโยชน์ต่อสุขภาพที่แตกต่างกันออกไป
การกินผักผลไม้ 7 สีจะช่วยลดความเสี่ยงจากโรคต่าง ๆ ได้ เช่น โรคหลอดเลือดในสมอง ความดันโลหิต มะเร็งบางชนิด อีกทั้งยังช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรง บำรุงผิวพรรณ และชะลอความแก่ชราได้ด้วย
อายิฯ จึงอยากพาทุกคนไปรู้จักกับผักผลไม้ 7 สี ว่ามีสีอะไรบ้าง แต่ละกลุ่มมีประโยชน์อย่างไร และการกินผักหลากสีนั้นช่วยป้องกันโรคได้อย่างไร ตามไปดูกันเลย
คุณประโยชน์ของผักผลไม้ ‘สีส้ม’
ผักผลไม้ที่มีสีส้ม อุดมไปด้วยแคโรทีนอยด์ (Carotenoid) ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ เบตาแคโรทีน (Beta Carotene) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็ง และช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
ตัวอย่างผักที่มีสีส้ม
- แคร์รอต
- พริกหยวกสีส้ม
- ฟักข้าว
ตัวอย่างผลไม้ที่มีสีส้ม
- มะละกอสุก
- แคนตาลูป
คุณประโยชน์ของผักผลไม้ ‘สีส้ม - เหลือง’
ผักผลไม้สีส้ม - เหลือง อุดมไปด้วยฟลาโวนอล (Flavonol) มีส่วนช่วยบำรุงหัวใจ ป้องกันการเป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และยังมีวิตามินซีจำนวนมาก ช่วยลดปัญหาเรื่องการขับถ่ายหรือท้องผูก ช่วยบำรุงระบบเซลล์ในร่างกายให้มีความสามารถในการฆ่าเซลล์มะเร็งได้
ตัวอย่างผักที่มีสีส้ม - เหลือง
- ฟักทอง
- พริกหยวกเหลือง
- มันเทศ
ตัวอย่างผลไม้ที่มีสีส้ม - เหลือง
- ส้มเขียวหวาน
- มะม่วงสุก
- ขนุน
- เสาวรส
คุณประโยชน์ของผักผลไม้ ‘สีเหลือง - เขียว’
ผักผลไม้ที่มีสีเหลือง - เขียว อุดมไปด้วยลูทีน (Lutein) ช่วยป้องกันความเสื่อมเรตินาของดวงตา ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้สายตาฝ้าฟาง และลดความเสี่ยงการเกิดโรคทางดวงตาได้บางชนิด เช่น จอประสาทตาเสื่อม ต้อกระจก เป็นต้น
ตัวอย่างผักที่มีสีเหลือง - เขียว
- ข้าวโพด
- ผักกาดขาว
- เลมอน
- ถั่วลันเตา
- กะหล่ำปลีเขียว
ตัวอย่างผลไม้ที่มีสีเหลือง – เขียว
- อะโวคาโด
- สับปะรด
- กล้วย
- ลูกท้อ
- มะเฟือง
คุณประโยชน์ของผักผลไม้ ‘สีขาว - เขียว’
ผักผลไม้ที่มีสีขาว - เขียว อุดมไปด้วยแซนโทน (Xanthone) ซึ่งเป็นสารในกลุ่มฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) ช่วยต้านอาการอักเสบ ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือด และช่วยลดอาการปวดตามข้อต่าง ๆ ได้ดี
ตัวอย่างผักที่มีสีขาว - เขียว
- กระเทียม และใบกระเทียม
- หัวหอม
- เห็ด
- หัวไชเท้า
- ดอกกะหล่ำ
ตัวอย่างผลไม้ที่มีสีขาว - เขียว
- น้อยหน่า
- ลิ้นจี่
- เงาะ
- แก้วมังกร พันธุ์เนื้อสีขาว
- พุทรา
คุณประโยชน์ของผักผลไม้ ‘สีเขียว’
ผักผลไม้ที่มีสีเขียว อุดมไปด้วยคลอโรฟิลล์ (Chlorophyll) ลูทีน (Lutein) และซีแซนทีน (Zeaxanthin) มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง ชะลอการเสื่อมของจอประสาทตา มีไฟเบอร์สูง ช่วยเรื่องการขับถ่าย นอกจากนี้ยังช่วยยับยั้งการเกิดริ้วรอย และช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกายได้
ตัวอย่างผักที่มีสีเขียว
- ผักบุ้ง
- ผักคะน้า
- ผักโขม
- ตำลึง
- บรอกโคลี
- หน่อไม้ฝรั่ง
- ถั่วลันเตา
ตัวอย่างผลไม้ที่มีสีเขียว
- แอปเปิลเขียว
- กีวี
- ฝรั่ง
- องุ่นเขียว
คุณประโยชน์ของผักผลไม้ ‘สีม่วง’
ผักผลไม้ที่มีสีม่วง อุดมไปด้วยแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งลำไส้และตับ มะเร็งเม็ดเลือดขาว และมะเร็งในระบบสืบพันธุ์ นอกจากนั้นยังช่วยบำรุงหลอดเลือด ช่วยกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนดี ช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคหัวใจ ชะลอการเกิดโรคไขมันอุดตันในหลอดเลือด
ตัวอย่างผักที่มีสีม่วง
- มะเขือม่วง
- บีทรูท
- กะหล่ำม่วง
- มันม่วง
- หอมแดง
- ดอกอัญชัน
ตัวอย่างผลไม้ที่มีสีม่วง
- แบล็กเบอร์รี
- บลูเบอร์รี
- ลูกพรุน
- องุ่นม่วง
คุณประโยชน์ของผักผลไม้ ‘สีแดง’
ผักผลไม้ที่มีสีแดง อุดมไปด้วยไลโคปีน (Lycopene) เบตาไซซีน (Betacycin) และสารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็ง ทำให้สามารถลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งได้ โดยเฉพาะมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด และมะเร็งปากมดลูก
นอกจากนั้นยังช่วยลดปริมาณไขมันที่ไม่ดีในร่างกาย ช่วยชะลอการเกิดโรคหัวใจหลอดเลือด ลดความดันโลหิต และลดการแข็งตัวของหลอดเลือด
ตัวอย่างผักที่มีสีแดง
- กะหล่ำปลีแดง
- มันฝรั่งสีแดง
- พริกหยวกหวานสีแดง
- มะเขือเทศ
- บีทรูท
ตัวอย่างผลไม้ที่มีสีแดง
- แอปเปิล
- เชอร์รี
- ทับทิม
- สตรอว์เบอร์รี
- แตงโม
- ดอกกระเจี๊ยบ
ข้อแนะนำในการกินผักผลไม้
รศ. ดร.ชนิพรรณ บุตรยี่ นักวิชาการสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำว่าควรกินผักและผลไม้อย่างน้อยวันละ 400 กรัม 50% ของจานที่กินในแต่ละมื้อ โดย 400 กรัม จะเท่ากับผักและผลไม้ 5 ส่วน (ผัก 3 ส่วน ผลไม้ 2 ส่วน) โดยผัก 1 ส่วน จะเท่ากับ 80 กรัม หรือผักสุกประมาณ 6 ทัพพีต่อวัน ส่วนผลไม้นั้นแนะนำให้กินผลไม้ที่มีน้ำตาลน้อย) เพื่อลดความเสี่ยงต่อโรคไม่ติดต่อเรื้อรังต่าง ๆ เช่น หัวใจขาดเลือด เส้นเลือดในสมองตีบ และโรคมะเร็งบางชนิด
นอกจากนี้ยังควรกินผักให้หลากหลายตามฤดูกาล เพื่อช่วยให้ได้รับคุณค่าสารอาหารที่เพียงพอ และลดการสะสมของสารเคมี เนื่องจากการบริโภคผักนอกฤดูกาล เสี่ยงต่อการได้รับสารเคมีมากกว่า และมีคุณค่าทางโภชนาการน้อยกว่าผักตามฤดูกาลนั่นเอง
อายิฯ อยากชวนให้ทุกคนหันมาลองปรับการกินผักผลไม้กันให้มากขึ้น เพื่อสร้างสุขภาพที่แข็งแรงให้พร้อมลุยในทุกวัน และยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ให้ไม่ป่วยบ่อยในฤดูฝนนี้อีกด้วย เพราะเราอยากเห็นทุกคน ‘กินดี มีสุข’ ผ่านโภชนาการที่ดีในทุกมื้อ ผ่านแนวคิด "โภชนาการที่มุ่งมั่นอย่างไม่ลดละ" เพื่อมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน
ขอบคุณข้อมูลจาก:
https://bit.ly/4kwS9GO