สูตรอาหาร
เรื่องราวกินดีมีสุข
บทความอูมามิ อื่นๆ ที่่น่าสนใจ
พลังงาน
(กิโลแคลอรี่)
259.83
โปรตีน
(กรัม)
9.14
ไขมัน
(กรัม)
20.48
โซเดียม
(มิลลิกรัม)
650.13
ส่วนประกอบ
หมูสามชั้น
350 กรัม
ต้นหอม (มัดรวมกันด้วยเชือกขาว)
5 ต้น
ขิงแก่หั่นแว่น
10 ชิ้น
เห็ดหอมแช่น้ำ
6 ดอก
คะน้าฮ่องกง (ลวกแล้ว)
4 ต้น
งาขาวคั่ว
1 ช้อนชา
ผักชีสำหรับตกแต่ง
เชือกขาวสำหรับมัด
“รสดีเมนู” พะโล้
1 ซอง
นำ้เปล่า
1 ลิตร
วิธีทำ
1. เตรียมวัตถุดิบให้พร้อมก่อนเริ่มเมนูหมูพะโล้
สำหรับเมนูพะโล้หมู เริ่มจากการเตรียมหมูสามชั้น ล้างให้สะอาดแล้วหั่นเป็นชิ้นใหญ่พอดี ต่อมาให้เตรียมเห็ดหอมแช่น้ำจนพองตัว นำมาหั่นเตรียมไว้เพื่อใส่เพิ่มความหวาน และเข้มข้นในน้ำซุป สำหรับคะน้าฮ่องกงให้นำไปลวกในน้ำร้อนพอสุก
จากนั้นนำขึ้นมาพักไว้ สำหรับเสิร์ฟคู่กับหมูสามชั้นตุ๋น ส่วนงาขาวให้คั่วจนเหลืองหอมเตรียมไว้สำหรับโรยหน้า และสุดท้ายเตรียมต้นหอม และผักชี สำหรับตกแต่งจานให้สวยงาม วัตถุดิบทั้งหมดพร้อมแล้ว อย่าลืมเตรียมน้ำเปล่าและรสดีเมนู พะโล้สำหรับปรุงน้ำซุป เตรียมวัตถุดิบพร้อมแล้วมาเริ่มกันเลย
2. ล้าง หั่น และหมักหมูด้วยรสดีเมนู พะโล้ก่อนตุ๋น
วิธีทำหมูพะโล้ เริ่มต้นด้วยการนำหมูสามชั้นมาล้างทำความสะอาด ขั้นตอนต่อไป คือ การหั่นหมูสามชั้นเป็นชิ้นหนาประมาณ 2x2 นิ้ว ซึ่งขนาดนี้จะทำให้หมูตุ๋นออกมาได้สัดส่วนที่พอดีสำหรับการตุ๋นให้เนื้อเปื่อยนุ่ม หรือสามารถหั่นตามขนาดที่ต้องการได้เช่นกัน
เมื่อหั่นหมูเสร็จแล้ว ให้เตรียม รสดีเมนู พะโล้ มาหมักกับหมูสามชั้นที่พักไว้ คลุกเคล้าให้เข้ากันดี จนทุกชิ้นหมูถูกเคลือบด้วยผงพะโล้อย่างทั่วถึง จากนั้นหมักหมูไว้ประมาณ 5-10 นาที เพื่อให้เครื่องปรุงซึมเข้าไปในเนื้อหมู
3. โขลกเครื่องเทศ เพิ่มกลิ่นหอมให้เมนูหมูพะโล้
เริ่มจากการนำกระเทียมและรากผักชีมาล้างให้สะอาด จากนั้นตัดรากผักชีเป็นชิ้นเล็ก ๆ เพื่อให้โขลกง่ายขึ้น
เมื่อเตรียมวัตถุดิบเสร็จแล้ว ใช้ครกและสากโขลกกระเทียม และรากผักชีเข้าด้วยกัน โขลกอย่างสม่ำเสมอจนทุกอย่างละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน กลิ่นหอมของเครื่องเทศที่โขลกจะช่วยเพิ่มความหอมให้กับน้ำซุปพะโล้ที่เราจะปรุงในขั้นตอนต่อไป หลังจากโขลกเสร็จแล้วก็สามารถพักไว้ในภาชนะรอจนหมูสามชั้นพร้อมสำหรับการปรุง
เคล็ดลับ : การโขลกให้พอหยาบ ๆ ไม่ต้องละเอียดเกินไปจะช่วยให้มีกลิ่น และรสชาติของเครื่องเทศออกมาอย่างเต็มที่
4. ผัดเครื่องเทศให้หอมกรุ่น ก่อนตุ๋นหมูสามชั้นเนื้อเด้ง
ต่อไปก็ให้เตรียมกระทะใบใหญ่ตั้งไฟกลางจนกระทะเริ่มร้อน จากนั้นใส่น้ำมันพืชลงไปประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ เมื่อน้ำมันร้อนได้ที่ นำกระเทียม และรากผักชีที่เราโขลกเตรียมไว้ก่อนหน้านี้ลงไปผัดในกระทะ ผัดอย่างสม่ำเสมอจนมีกลิ่นหอมกระจายทั่วครัว กลิ่นของกระเทียม และรากผักชีจะช่วยเพิ่มความอร่อยให้กับเมนูหมูพะโล้อย่างลงตัว
เมื่อมีกลิ่นหอมดีแล้วให้ใส่หมูสามชั้นที่เราหมักไว้ด้วยผงพะโล้ลงไปในกระทะ ผัดหมูให้เข้ากับเครื่องที่อยู่ในกระทะจนเนื้อหมูสามชั้นเริ่มเปลี่ยนสีและรัดตัวเล็กน้อย เมื่อผัดจนหมูสุกพอประมาณแล้ว ให้เติมน้ำเปล่าลงไปในกระทะจนท่วมชิ้นหมู เพื่อเตรียมเข้าสู่ขั้นตอนการตุ๋น ต้มต่อจนหมูนุ่ม และน้ำซุปพะโล้ซึมเข้าเนื้อหมู
5. ตุ๋นพะโล้หมูสามชั้นให้เนื้อนุ่มเด้งละลายในปาก
เมื่อหมูสามชั้น และเครื่องปรุงต่าง ๆ เริ่มเดือดดีแล้ว ให้เติมเห็ดหอมที่แช่น้ำจนพองตัวลงไปในหม้อ พร้อมกับคนเบา ๆ เพื่อให้เห็ดหอมกระจายตัวอย่างทั่วถึงในน้ำซุป จากนั้นตุ๋นต่อจนกระทั่งน้ำเริ่มเดือดอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าน้ำซุป และหมูสามชั้นเดือดให้ลดไฟลงเป็นไฟอ่อน ๆ
ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนสำคัญที่จะทำให้เนื้อหมูสามชั้นนุ่มละลายในปาก และเห็ดหอมซึมซับรสชาติของพะโล้ได้อย่างเต็มที่ ควรตุ๋นต่อไปด้วยไฟอ่อนประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง
หมั่นตรวจเช็กระหว่างตุ๋น เพื่อดูว่า น้ำซุปยังคงอยู่ในปริมาณที่พอดี หากน้ำซุปแห้งลงมากไปก็สามารถเติมน้ำเปล่าเพิ่มลงไปได้เล็กน้อย การตุ๋นด้วยไฟอ่อนเป็นเวลานาน จะช่วยให้รสชาติของหมูพะโล้เข้มข้น และซึมเข้าไปในเนื้อหมูและเห็ดหอมอย่างเต็มที่
เคล็ดลับ : เพื่อให้แน่ใจว่าเนื้อหมูและหนังหมูเปื่อยนุ่มได้ที่แล้ว สามารถใช้ส้อมหรือช้อนตัดลงไปที่เนื้อและหนังหมู หากสามารถตัดได้ง่ายโดยไม่ต้องออกแรงมากแสดงว่าหมูเปื่อยดีแล้ว แต่ถ้ายังตัดยากหรือรู้สึกว่าเนื้อยังแข็งอยู่ ควรตุ๋นหมูพะโล้ต่อไปอีกสักระยะจนกว่าจะนุ่มตามต้องการ
6. ปรุงรสชาติให้อร่อยถูกปาก
การปรุงรสซุปพะโล้ จะเติมซีอิ๊วดำหวานลงไป เพื่อเพิ่มสีและความหอมให้กับน้ำซุป จากนั้นใส่น้ำตาลปี๊บเพื่อให้รสหวานที่กลมกล่อมละมุน แล้วตามด้วยซีอิ๊วขาว เพื่อเพิ่มรสเค็มนิด ๆ ช่วยให้รสชาติซุปพะโล้หมูมีความกลมกล่อมมากยิ่งขึ้น
สุดท้ายใส่เกลือเล็กน้อยเพื่อปรับสมดุลรสชาติให้พอดี ค่อย ๆ เติมเครื่องปรุงเหล่านี้ทีละนิด ชิมรสระหว่างเติม เพื่อปรับให้ได้รสชาติที่ถูกปาก หากชอบรสเข้มข้นสามารถเติมเพิ่มได้ตามความต้องการ
7. เตรียมความอร่อยพร้อมยกเสิร์ฟ
หลังจากปรุงรสเรียบร้อยแล้วเราจะใช้ไฟแรงตุ๋นต่อไปประมาณ 20 นาที ในระหว่างนี้ ควรคอยดูน้ำซุป และตักฟองที่ลอยขึ้นมาทิ้งเป็นระยะ เพื่อให้น้ำซุปใส และดูน่าทานมากยิ่งขึ้น พอครบ 20 นาทีแล้วก็ปรับเป็นไฟกลางเพื่อตุ๋นต่ออีกประมาณ 40 นาที จากนั้นนำหมูสามชั้นออกจากหม้อ จัดใส่จาน โรยด้วยงาขาวคั่ว เพื่อเพิ่มความหอม เสิร์ฟพร้อมกับคะน้าลวก และเห็ดหอมที่ตุ๋นไว้ แต่งจานด้วยผักชีเพิ่มสีสัน เพียงเท่านี้ก็พร้อมเสิร์ฟเมนูหมูพะโล้แสนอร่อยแล้ว
เคล็ดลับ : เคล็ดลับง่าย ๆ ที่จะทำให้รสชาติของพะโล้เข้มข้น หวาน ๆ เค็ม ๆ ยิ่งกลมกล่อมขึ้นก็คือ การเตรียมน้ำจิ้มพริกสดผสมน้ำส้มสายชูไว้คู่กัน เวลาทานสามารถจิ้มหมูสามชั้นตุ๋นในน้ำจิ้มนี้ เพื่อช่วยตัดรสชาติได้ ความเปรี้ยวของน้ำส้มสายชู และความเผ็ดของพริกสดจะช่วยให้การทานหมูพะโล้ไม่รู้สึกเลี่ยนเกินไป และยังเพิ่มมิติของรสชาติให้จานนี้อร่อยยิ่งขึ้น ใครที่ชอบรสจัดก็สามารถเพิ่มพริกสดหรือปรับเปรี้ยวตามความชอบได้เลย เป็นตัวเลือกที่ดีในการเพิ่มความแซ่บให้กับเมนูนี้
เมนูหมูพะโล้นี้เป็นเมนูที่ทำง่าย แต่อร่อยเข้มข้นจนใครก็ต้องชอบ ด้วยรสชาติที่หวาน เค็ม หอมพะโล้ และหมูสามชั้นที่นุ่มละลายในปาก เสิร์ฟคู่กับคะน้าลวกและเห็ดหอมก็เข้ากันสุด ๆ ยิ่งถ้าได้โรยงาขาวคั่วหอม ๆ และแต่งด้วยผักชีเพิ่มความสวยงามก็ยิ่งน่าทานมากขึ้นอีก
หากอยากเพิ่มความจัดจ้านก็สามารถทานคู่กับน้ำจิ้มพริกสดน้ำส้มสายชู หรือน้ำจิ้มซีฟู้ดช่วยตัดรสชาติให้ลงตัว ใครกำลังหาวิธีทำหมูพะโล้ลองเอาสูตรนี่ไปปรับใช้ได้เลย เมนูนี้ทำไม่ยากแต่รับรองว่าอร่อยถูกใจทุกคนแน่นอน ลองทำดูนะ
เมนูที่น่าสนใจ
ดูสูตรเมนูอูมามิอื่นๆ ที่น่าสนใจและสามารถทำตามได้ง่ายๆ
เมนูที่น่าสนใจ
ดูสูตรเมนูอูมามิอื่นๆ ที่น่าสนใจและสามารถทำตามได้ง่ายๆ